ศาลมาตรฐานระบบพ่นเคลือบ
แบบทำสีรถยนต์
รายละเอียดผลิตภัณฑ์
สินค้า - บริการ - ผลงาน

สถิติเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์

  • 0
  • 4
  • 8
  • 3
  • 7
  • 5
  • 5
วันนี้
73
เมื่อวานนี้
162
สัปดาห์นี้
73
สัปดาห์ที่แล้ว
1220
เดือนนี้
3,970
เดือนที่แล้ว
7,675
ทั้งหมด
483,755
Your IP : 3.15.227.4
Now : 2024:05:18 11:35:54
!!!โปรโมชั่นส่วนลดพิเศษ10-15%ทันทีสำหรับลูกค้าศาลพระภูมิพ่นเคลือบที่สั่งผลิตหรือสั่งจองสินค้าล่วงหน้าอย่างน้อย1-2เดือน หากเป็นงานด่วนโปรดแจ้งทางร้านเพื่อเช็คว่ามีสินค้าหรือไม่ **ติดต่อขอรับส่วนลดเพื่อเปิดบิลรับคิวงานได้ที่คุณพัช 064-419-8956 (ขอบพระคุณที่ไว้วางใจศาลพระภูมิพ่นเคลือบของเราค่ะ)

การตั้งศาลพระภูมิ

26 มกราคม 2558

การตั้งศาลพระภูมิ
สิ่งที่ต้องคำนึงในการตั้งศาลพระภูมิ คือ สถานที่ตั้ง,ทิศทาง,วันและฤกษ์ตั้ง,ความสูงของศาลพระภูมิและผู้ประกอบพิธีกรรมการตั้งศาลพระภูมิ
สถานที่ที่ตั้งศาล มีหลักการพิจารณาดังนี้
1. ที่ตั้งศาลต้องเป็นบริเวณพื้นดิน มิใช่บริเวณเดียวกับพื้นของตัวบ้าน
2. หากไม่มีพื้นที่ที่เป็นพื้นดิน สามารถทำการตั้งศาลบนชั้นดาดฟ้าได้ แต่ส่วนใหญ่ศาลที่ตั้งบนดาดฟ้าจะเป็นศาลเทพต่างๆ เช่นพระพรหม หรือ พระนารายณ์ มิใช่พระภูมิเจ้าที่ 3. จุดที่ตั้งของศาลต้องไม่ถูกเงาของตัวบ้านทอดลงมาทับ
4. ที่ตั้งของศาลควรอยู่ห่างจากบริเวณที่ตั้งของห้องน้ำ
5. อย่าตั้งศาลให้อยู่ใกล้กับตัวบ้านมากนัก
6. อย่าหันหน้าศาลเข้าสู่บริเวณที่ตั้งของห้องน้ำ
7. ไม่ควรตั้งศาลให้หันหน้าตรงกับประตูหน้าบ้าน
8. ตั้งศาลให้ห่างจากรั้วหรือกำแพงบ้านอย่างน้อย 1 เมตร
9.ถ้าสามารถยกพื้นที่ตั้งศาลให้สูงขึ้นสัก 1 คืบ จากพื้นดินได้ ก็เหมาะสมอย่างยิ่ง
10. ความสูงของศาล ควรสูงเหนือระดับสายตาของผู้เป็นเจ้าของบ้านขึ้นไปเล็กน้อย

ทิศทาง การหันหน้าศาลพระภูมิสู่ทิศมงคล
1.ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ทิศอีสาน เป็นทิศที่ดีที่สุดหากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป

2.ทิศตะวันออก หรือ ทิศบูรพา เป็นทิศที่ดีอันดับ 2 หากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ประมาณ 100 ปี หลังจากนั้นจะเสื่อมลงเรื่อยๆ

3.ทิศตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ทิศอาคเณย์ เป็นทิศที่ดีอันดับ 3 หากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ประมาณ 50 ปี หลังจากนั้นจะเสื่อมลงเรื่อยๆ
ทิศต้องห้ามในการตั้งศาลพระภูมิ คือ ทิศตะวันตกและทิศใต้
เมื่อหาทิศทางตั้งศาลได้แล้วจะต้องพูนดินให้สูง 1 คืบ เกลี่ยดินด้วยมือและทุบให้แน่น ห้ามใช้เท้าเด็ดขาด และเตรียมน้ำมนต์ไว้พรมบริเวณพื้นดินเพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจและสิ่งชั่วร้ายต่างๆ
น้ำมนต์ที่ว่านี้เรียกว่า " น้ำมนต์ธรณีสาร " น้ำมนต์ธรณีสารนี้ ทำได้โดยนำน้ำธรรมดาไปให้พระท่านสวดพระพุทธมนต์ทำเหมือนน้ำมนต์ทั่วไปแต่ต่างกัน
ตรงที่ให้ท่านนำใบไม้ต้นธรณีสารมาใส่ลงในน้ำที่จะทำน้ำมนต์

วันและฤกษ์ตั้งศาล
มีความสำคัญมาก ควรเลือกวันที่ดีและมีความเป็นสิริมงคลเพื่อให้ประสิทธิ์ผลในทางมงคล
แก่ผู้อยู่อาศัยในบ้านเรือนนั้นสืบต่อไป
วันต่อไปนี้ถือเป็นวันที่เป็นมงคลฤกษ์ แต่ถ้าวันข้างขึ้น หรือข้างแรมดังกล่าวไปตรงกับ
วันต้องห้าม ของเดือนใด ให้เลี่ยงไปใช้วันอื่นเสีย
วันข้างขึ้น
วันข้างแรม
๒ ค่ำ
๒ ค่ำ
๔ ค่ำ
๔ ค่ำ
๖ ค่ำ
๖ ค่ำ
๙ ค่ำ
๙ ค่ำ
๑๑ ค่ำ
๑๑ ค่ำ
เวลาฤกษ์อันเป็นมงคล
วันอาทิตย์
เวลา ๖.๐๙ น. - ๘.๑๙ น.
วันจันทร์
เวลา ๘.๒๙ น. - ๑๐.๓๙ น.
วันอังคาร
เวลา ๖.๓๙ น. - ๘.๐๙ น.
วันพุธ
เวลา ๘.๓๙ น. - ๑๐.๑๙ น.
วันพฤหัสบดี
เวลา ๑๐.๔๙ น. - ๑๑.๓๙ น.
วันศุกร์
เวลา ๖.๑๙ น. - ๘.๐๙ น.
วันเสาร์
เวลา ๘.๔๙ น. - ๑๐.๔๙ น.
วันต้องห้าม
เดือนอ้าย
( ธันวาคม )
วันต้องห้ามคือ วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
เดือนยี่
( มกราคม )
วันต้องห้ามคือ วันพุธ และวันศุกร์
เดือน ๓
( กุมภาพันธ์ )
วันต้องห้ามคือ วันอังคาร
เดือน ๔
( มีนาคม)
วันต้องห้ามคือ วันจันทร์
เดือน ๕
( เมษายน )
วันต้องห้ามคือ วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
เดือน ๖
( พฤษภาคม )
วันต้องห้ามคือ วันพุธ และวันศุกร์
เดือน ๗
(มิถุนายน )
วันต้องห้ามคือ วันอังคาร
เดือน ๘
( กรกฎาคม)
วันต้องห้ามคือ วันจันทร์
เดือน ๙
( สิงหาคม )
วันต้องห้ามคือ วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
เดือน ๑๐
( กันยายน )
วันต้องห้ามคือ วันพุธ และวันศุกร์
เดือน ๑๑
( ตุลาคม )
วันต้องห้ามคือ วันอังคาร
เดือน ๑๒
( พฤศจิกายน )
วันต้องห้ามคือ วันจันทร์
จะสังเกตได้ว่า จะไม่ปรากฏว่ามี วันอาทิตย์ เป็น ข้อห้ามเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้ยึดเอาวันอาทิตย์
เป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับการตั้งศาล เพราะคนโบราณถือกันว่า วันอาทิตย์นั้นแม้จะจะเป็นวันที่มีกำลังแรงดี
แต่เป็นวันแรงและวันร้อน ไม่เหมาะที่จะทำการตั้งศาล เพราะบ้านอาจจะ ร้อน จรปราศจากความร่มเย็นเป็นสุข แต่ ถ้าหากผู้กระทำพิธีมีเคล็ดมีมนตร์แก้ความร้อนของวันได้ ก็สามารถคิดทำการตั้งศาลในวันนี้ได้ตามความสะดวก
ความสูงของศาล
ขึ้นอยู่กับ ตัวเจ้าของบ้าน โดยให้ระดับฐานหรือชานชาลาพระภูมิอยู่เหนือระดับปาก (บางตำราว่าอยู่เหนือคิ้วพอดี ) ของผู้เป็นเจ้าของบ้าน ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนเจ้าบ้าน ก็ควรจะตั้งศาลพระภูมิขึ้นใหม่
การใช้ศาลพระภูมิร่วมกัน กรณีที่เป็นหมู่บ้าน,ชุมชนหรือตึกแถว ให้ยึดเอาความสูงจาก เจ้าของผู้สร้างเริ่มแรก หรือหัวหน้าชุมชนนั้นๆ โดยให้เป็นตัวแทนเพื่อมาทำการยกศาลพระภูมิขึ้นเพื่อบอกกล่าวและสักการะ ขอให้ท่านดูแลปกปักษ์รักษาให้คุณ ให้โชคลาภ ความเจริญรุ่งเรืองแก่ผู้อยู่อาศัยทุกคน
การปักเสาตั้งศาล
ต้องเตรียมหลุมให้เสร็จก่อนเริ่มพิธี ( ค่อยมีพิธีในวันรุ่งขึ้น ) โดยต้องเตรียมของดังนี้
พานครู 1 พาน ใช้สำหรับใส่ข้าว ธูป เทียนขาว ดอกไม้หรือพวงมาลัยสด เหล้า บุหรี่ ผ้าขาว เงิน 6 สลึงหรือ 99 บาท
รายการของมงคลใส่หลุม (ปัจจุบันที่นิยมใช้)
(1).เหรียญเงิน 9 เหรียญ (2).เหรียญทอง 9 เหรียญ ( เหรียญสลึงหรือ 50 สตางค์ ก็ได้ )
(3).ใบเงิน 9 ใบ (4).ใบทอง 9 ใบ
(5).ใบนาค 9 ใบ(6).ใบรัก 9 ใบ
(7).ใบมะยม 9 ใบ (8).ใบนางกวัก 9 ใบ
(9).ใบนางคุ้ม 9 ใบ (10).ใบกาหลง 9 ใบ
(11).ใบเงิน ทอง นาค (12).ดอกพุทธรักษา 9 ดอก
(13).ไม้มงคล 9 ชนิด (14).แผ่น เงิน,ทอง,นาค 1 ชุด
(15).พลอยนพเก้า 1 ชุด

การกลบหลุมนั้นให้ใช้มือกด ห้ามใช้เท้าโดยเด็ดขาด
ผู้ประกอบพิธีกรรมการตั้งศาลพระภูมิ
ควรจะเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมมีศีลธรรม ทำบุญทำทานประจำ มีความซื่อสัตย์สุจริต ยุติธรรม จะทำให้การตั้งศาลพระภูมิบังเกิดผลดี มีความเจริญรุ่งเรืองแก่เจ้าของบ้าน หรือเจ้าบ้านจะเป็นผู้กระทำพิธีกรรมก็ได้ โดยศึกษาขั้นตอนพิธีกรรมต่างๆ และให้ถือศีลกินเจ 7 วัน ( 3,5,7 วันก็ได้ หรือมากกว่านี้ก็ได้ )
ส่วนประกอบสำคัญของศาลพระภูมิ
จะเหว็ดศาลพระภูมิ จะเป็นรูปพระภูมิอยู่ในแผ่นคล้ายแผ่นเสมา มือขวาถือพระขรรค์ มือซ้ายถือถุงเงินหรือสมุด(หนังสือ) และการปลุกเสกจะเหว็ดให้เป็นองค์พระภูมิมีดังนี้ บรรจุธาตุทั้ง 6 คือ บรรจุพระพุทธคุณ,บรรจุพระธรรมคุณ,บรรจุพระสังฆคุณ ตลอดเทวคุณและวิญญาณธาตุเข้าไปในจะเหว็ดจากที่เรียกว่า จะเหว็ดเมื่อปลุกเสกแล้วก็จะเรียกว่า "พระภูมิ" บริวารของพระภูมิจะมี
1.ตุ๊กตาชาย-หญิง อย่างละ 1 คู่
2. ตุ๊กตาช้าง-ม้า อย่างละ 1 คู่
3.ละครยก 2 โรง
เครื่องประดับตกแต่งก็จะประกอบด้วย
(1)แจกัน 1 คู่
(7). ด้ายสายสิญจน์ 1 ม้วน
(2). เชิงเทียน 1 คู่
(8).ผ้าขาว 1 ผืน
(3).กระถางธูป 1 ใบ
(9) ทองคำเปลว
(4). ผ้าผูกจะเหว็ด 1 ผืน
(10).แป้งเจิม 1 ถ้วย
(5).ผ้าพันศาล 1 ชุด (ผ้าแพร 3 สี คือ สีเขียว,สีเหลืองและสีแดง)
(11).ดอกบัว 9 ดอก
(6).ฉัตรเงิน-ทอง 2 คู่
(12).ดอกไม้ 7 สี(มาลัย 7 สี )




ส่วนหนึ่งของผลงาน

  • Back to Top